BCH คืออะไร
ยาวไปไม่ได้อ่าน (TLDR)
Bitcoin Cash (BCH) คือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากการแยกตัว (hard fork) ของ Bitcoin ในปี 2017 โดยเน้นการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำในรูปแบบ "เงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบเพียร์ทูเพียร์"
- วัตถุประสงค์: ออกแบบมาเพื่อการชำระเงินในชีวิตประจำวันที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าบิตคอยน์
- เทคโนโลยี: ใช้ขนาดบล็อกที่ใหญ่ขึ้น (32MB) เพื่อรองรับการขยายตัว และมีการอัปเกรดสมาร์ตคอนแทรกต์ในปี 2025
- ความแตกต่าง: เน้นการใช้งานจริงมากกว่าการเป็น "ทองคำดิจิทัล" เหมือน Bitcoin
เจาะลึก
1. วัตถุประสงค์และคุณค่า
BCH เกิดขึ้นจากการถกเถียงเรื่องการขยายขนาดบล็อกของ Bitcoin ในปี 2017 ฝ่ายสนับสนุนต้องการบล็อกที่ใหญ่ขึ้น (32MB เทียบกับ 1MB ของ Bitcoin) เพื่อลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม โดยมีเป้าหมายให้เป็นเงินสดที่ใช้งานได้จริงตามแนวคิดของ Satoshi Nakamoto (CoinMarketCap) BCH มุ่งเน้นการใช้งานในชีวิตจริง เช่น การชำระเงินในร้านค้าและการโอนเงินข้ามประเทศ โดยค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่ำกว่า 0.01 ดอลลาร์สหรัฐ
2. เทคโนโลยีและการอัปเกรด
BCH ใช้ระบบ proof-of-work แบบ SHA-256 เหมือน Bitcoin แต่เลือกไม่ใช้ SegWit ซึ่งเป็นโซลูชันการขยายชั้นที่สองของ Bitcoin ในเดือนพฤษภาคม 2025 BCH ได้อัปเกรดระบบด้วยฟีเจอร์ VM Limits และ BigInt เพื่อเพิ่มความสามารถของสมาร์ตคอนแทรกต์ ทำให้รองรับแอปพลิเคชัน DeFi และการคำนวณที่มีความแม่นยำสูง ในขณะที่ยังคงรักษาค่าธรรมเนียมต่ำมาก (Levex)
3. จุดเด่นที่แตกต่าง
- ความเร็ว: ทำธุรกรรมได้ภายในประมาณ 60 วินาที เทียบกับ Bitcoin ที่ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- ค่าธรรมเนียม: ค่าธรรมเนียมต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ Bitcoin ถึง 99%
- แนวคิด: เน้นการขยายขนาดบนบล็อกเชนโดยตรง (บล็อกใหญ่ขึ้น) มากกว่าการพึ่งพาโซลูชันชั้นที่สองของ Bitcoin
สรุป
Bitcoin Cash เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เน้นการชำระเงินที่รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมกับพัฒนาความสามารถผ่านการอัปเกรดสมาร์ตคอนแทรกต์ในปี 2025 แม้จะมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือน Bitcoin แต่ BCH มุ่งเน้นการใช้งานในธุรกรรมที่ต้องการความคุ้มค่าและรวดเร็ว คำถามคือความสมดุลระหว่างความเรียบง่ายและนวัตกรรมนี้ จะช่วยให้ BCH ได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง stablecoins และเครือข่าย Layer 2 หรือไม่?