LEO คืออะไร
ยาวไปไม่ได้อ่าน (TLDR)
UNUS SED LEO (LEO) คือโทเค็นยูทิลิตี้แบบลดจำนวน (deflationary utility token) ที่ออกแบบมาเพื่อระบบนิเวศของ iFinex โดยมีจุดเด่นคือให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมบนแพลตฟอร์ม Bitfinex และมีระบบซื้อคืนและเผาโทเค็นเพื่อลดจำนวนโทเค็นในตลาดอย่างต่อเนื่อง
- โทเค็นสำหรับใช้ลดค่าธรรมเนียม
- ลดจำนวนโทเค็นผ่านการซื้อคืนจากรายได้
- มีระยะเวลาการใช้งานชั่วคราว พร้อมแผนการไถ่ถอน
รายละเอียดเชิงลึก
1. วัตถุประสงค์และคุณค่า
LEO ถูกสร้างขึ้นในปี 2019 โดย iFinex (บริษัทแม่ของ Bitfinex) เพื่อฟื้นฟูเงินทุนที่สูญหายจากเหตุการณ์ยึด Crypto Capital จุดประสงค์หลักคือช่วยลดค่าธรรมเนียมการเทรดบน Bitfinex โดยมีส่วนลดแบ่งเป็น 3 ระดับตามจำนวน LEO ที่ผู้ใช้ถืออยู่ เช่น การเทรดคริปโตต่อคริปโตจะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 15% ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้เก็บโทเค็นไว้ (CoinMarketCap)
2. โทเค็นโนมิกส์และการบริหารจัดการ
LEO ใช้โมเดล ซื้อคืนและเผาโทเค็น: iFinex จะใช้รายได้อย่างน้อย 27% ต่อเดือนในการซื้อคืนโทเค็นในราคาตลาด และนำโทเค็นเหล่านั้นออกจากระบบอย่างถาวร กลไกนี้ช่วยลดจำนวนโทเค็นในตลาดเพื่อเพิ่มความหายาก จำนวนโทเค็นทั้งหมดถูกจำกัดไว้ที่ 985 ล้านโทเค็น โดยมีประมาณ 922 ล้านโทเค็นหมุนเวียนในตลาด ณ เดือนตุลาคม 2025 แตกต่างจากคริปโตส่วนใหญ่ที่มีจำนวนโทเค็นไม่จำกัด เพราะ LEO ถูกออกแบบให้เลิกใช้งานเมื่อ iFinex ซื้อคืนโทเค็นทั้งหมดแล้ว
3. จุดเด่นที่แตกต่าง
- โครงสร้างไม่ถาวร: มีแผนชัดเจนว่าจะเลิกใช้งานในอนาคต แตกต่างจากโทเค็นที่มีจำนวนไม่จำกัด
- ความโปร่งใส: iFinex รายงานการเผาโทเค็นทุกเดือน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามความคืบหน้าในการไถ่ถอนได้แบบเรียลไทม์
- ความสอดคล้องกับระบบนิเวศ: ผสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริการของ Bitfinex เช่น รางวัลจากการวางเดิมพัน (staking) และสิทธิพิเศษในการเทรดมาร์จิ้น สร้างความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
สรุป
LEO เป็นโทเค็นที่ผสมผสานประโยชน์จากการใช้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเข้ากับโมเดลลดจำนวนโทเค็นเอง ทำให้เป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนใครระหว่างโปรแกรมสะสมแต้มและเครื่องมือทางการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อความสามารถของ iFinex ในการดำเนินการซื้อคืนโทเค็นในระยะยาวได้อย่างไร?